ค่ำคืนวันที่ 7 กันยายน 2568 คนไทยและคนทั่วโลกจะได้ร่วมเป็นสักขีพยานกับหนึ่งในปรากฏการณ์บนท้องฟ้าที่น่าตื่นตาที่สุดในรอบปี นั่นคือ จันทรุปราคาเต็มดวง หรือที่หลายคนเรียกว่า “พระจันทร์สีเลือด” (Blood Moon) ซึ่งครั้งนี้ถือเป็นการกลับมาให้ได้ชมกันอีกครั้งหลังจากประเทศไทยห่างหายจากจันทรุปราคาเต็มดวงไปนานกว่า 3 ปี
เวลาการเกิดปรากฏการณ์ในประเทศไทย
สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (สดร.) เปิดเผยว่า ปรากฏการณ์จะเริ่มต้นตั้งแต่เวลา 22:29 น. ของวันที่ 7 กันยายน โดยจะเข้าสู่ช่วงคราสบางส่วนในเวลา 23:27 น. และเข้าสู่ช่วงที่น่าตื่นตาที่สุดคือ จันทรุปราคาเต็มดวง ตั้งแต่เวลา 00:31 – 01:53 น. ของวันที่ 8 กันยายน รวมเวลาทั้งหมดราว 1 ชั่วโมง 22 นาที ก่อนจะสิ้นสุดคราสบางส่วนในเวลา 02:57 น. และสิ้นสุดปรากฏการณ์ทั้งหมดในเวลา 03:55 น.
เหตุใดจึงเห็นเป็นสีแดง
ในช่วงที่โลกบังแสงอาทิตย์ไม่ให้ส่องถึงดวงจันทร์โดยตรง ดวงจันทร์ควรจะมืดสนิท แต่เพราะชั้นบรรยากาศของโลกยังคงหักเหและกระจายแสงอาทิตย์บางส่วน โดยเฉพาะแสงสีแดง ทำให้ดวงจันทร์สะท้อนออกมาเป็นสีแดงเข้มคล้ายเลือด จึงเป็นที่มาของคำว่า Blood Moon ซึ่งหลายวัฒนธรรมทั่วโลกต่างให้ความหมายทางสัญลักษณ์กับปรากฏการณ์นี้
เห็นได้ด้วยตาเปล่า ไม่ต้องใช้อุปกรณ์พิเศษ
นักดาราศาสตร์ยืนยันว่า ปรากฏการณ์ครั้งนี้สามารถมองเห็นได้ชัดเจนด้วยตาเปล่า ไม่จำเป็นต้องใช้กล้องดูดาวหรือแว่นกรองแสงเหมือนการดูสุริยุปราคา แต่หากใครต้องการบันทึกภาพสวยๆ ควรใช้กล้องถ่ายภาพพร้อมขาตั้งเพื่อป้องกันการสั่นไหว โดยพื้นที่ที่มีท้องฟ้าโปร่งใสไร้เมฆฝนจะสามารถชมได้อย่างเต็มที่
มองเห็นได้ทั่วไทยและอีกหลายภูมิภาคทั่วโลก
นอกจากประเทศไทยแล้ว จันทรุปราคาเต็มดวงครั้งนี้ยังสามารถสังเกตได้ในหลายภูมิภาคของโลก ไม่ว่าจะเป็นเอเชียตะวันออก เอเชียใต้ ยุโรปตะวันออก แอฟริกา รวมไปถึงออสเตรเลีย ขณะที่บางพื้นที่ในทวีปอเมริกาอาจเห็นได้เพียงบางช่วงของปรากฏการณ์
ปรากฏการณ์ที่ไม่ควรพลาด
นักดาราศาสตร์ระบุว่า จันทรุปราคาเต็มดวงครั้งนี้มีความพิเศษ เพราะเป็น ครั้งเดียวของปี 2568 และยังเกิดขึ้นในวันพระจันทร์เต็มดวงพอดี จึงทำให้ดวงจันทร์สว่างและใหญ่กว่าปกติ ผู้ที่ชื่นชอบท้องฟ้าไม่ควรพลาดที่จะเก็บภาพบรรยากาศไว้เป็นความทรงจำ
สำหรับคนไทย แนะนำให้เฝ้ารอดูตั้งแต่ ประมาณ 5 ทุ่มเป็นต้นไป และช่วง 00:31 – 01:53 น. คือเวลาทองที่ดวงจันทร์จะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มเต็มดวงพอดี