การเปิดตัวโมเดลสร้างภาพรุ่นใหม่ของ Google ภายใต้ชื่อ “Nano Banana” เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 ได้สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ในแวดวงเทคโนโลยี โดยแม้โมเดลนี้จะมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า Gemini 2.5 Flash Image แต่ Google กลับเลือกหยิบโค้ดเนมที่ใช้ระหว่างการทดสอบมาเป็นชื่อที่ผู้ใช้คุ้นหู พร้อมใส่อีโมจิ 🍌 ประกอบลงในแอป Gemini และเปิดบัญชี X (@NanoBanana) อย่างเป็นทางการ กลายเป็นการสร้างตัวตนที่แตกต่างและทำให้เทคโนโลยีดูเข้าถึงง่ายกว่าที่เคย
Nano Banana กลายเป็นกระแสไวรัลอย่างรวดเร็วจากความสามารถในการสร้างภาพที่แปลกใหม่และเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ผู้ใช้จำนวนมากแชร์ภาพที่ได้จากการใส่ Prompt ทั้งการออกแบบโมเดลฟิกเกอร์หรือการสร้างอนุสาวรีย์เสมือนจริง ทำให้เกิดการพูดถึงอย่างแพร่หลายบนโซเชียลมีเดีย และเป็นแรงดึงดูดผู้ใช้หน้าใหม่ให้เข้ามาทดลอง Gemini มากกว่า 10 ล้านคน ภายในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์ ขณะเดียวกันยังมีการใช้งานจริงไปแล้วกว่า 200 ล้านครั้ง ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนถึงความนิยมในระดับมหาศาล
สิ่งที่ทำให้ Nano Banana น่าจับตาไม่ได้มีเพียงศักยภาพในการสร้างภาพ แต่ยังรวมถึงกลยุทธ์ด้านการสื่อสารของ Google ที่พลิกภาพลักษณ์ AI จากสิ่งที่ดูจริงจังให้กลายเป็นประสบการณ์ที่สนุกและมีชีวิตชีวา การเลือกใช้ชื่อเล่นที่แปลกหูแต่จำง่าย และการผูกโยงเข้ากับอีโมจิ ทำให้โมเดลนี้โดดเด่นท่ามกลางคู่แข่งรายอื่นในตลาด โดย Nano Banana สามารถไต่อันดับขึ้นมาเป็น ที่ 1 บนตาราง Image Edit ของเว็บไซต์ LMArena และทิ้งห่างคู่แข่งอย่าง Flux.1 Kontext Max ไปกว่า 171 คะแนน ซึ่งเป็นตัวเลขที่ยืนยันได้ถึงความแข็งแกร่งของโมเดล
🍌update:
200M+ images edited
10M+ people are new to @GeminiApp - welcome!
TPUs red hot
SRE pagers howling— Josh Woodward (@joshwoodward) September 4, 2025
Josh Woodward รองประธาน Google Labs และหัวหน้าทีม Gemini เปิดเผยว่า ความสำเร็จของ Nano Banana ไม่ได้เป็นเพียงหลักฐานของความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงพลังของการออกแบบประสบการณ์ผู้ใช้ (User Experience) ที่ทำให้คนทั่วไปเปิดใจทดลองและใช้งานจริง ความนิยมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ยังช่วยผลักดันให้ Gemini กลายเป็นแอปพลิเคชันอันดับหนึ่งทั้งบน App Store และ Google Play Store ในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทยที่กระแสของ Nano Banana กำลังร้อนแรงไม่แพ้กัน
จากทั้งหมดนี้ สิ่งที่ Google ทำได้สำเร็จคือการเปลี่ยนโมเดลสร้างภาพจากเครื่องมือเฉพาะกลุ่ม ให้กลายเป็นเทรนด์ที่ผู้ใช้ทั่วไปสามารถเข้ามามีส่วนร่วมได้ง่าย นี่คือบทเรียนสำคัญของวงการ AI ที่ชี้ให้เห็นว่าความสำเร็จไม่ได้ขึ้นอยู่กับพลังการประมวลผลเพียงอย่างเดียว แต่ต้องมาพร้อมกับการสร้างการเล่าเรื่องที่น่าสนใจ การทำให้เทคโนโลยีเป็นมิตร และการสร้างชุมชนผู้ใช้ที่พร้อมจะแชร์ผลงานต่อเนื่อง เมื่อรวมเข้ากับชื่อที่สะดุดหูและสัญลักษณ์ที่จดจำง่าย Nano Banana จึงไม่เพียงเป็นโมเดล AI แต่กลายเป็นปรากฏการณ์ทางสังคมที่กำลังผลักดันให้ Google ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในสนามแข่งขัน AI สร้างภาพอย่างเต็มตัว
ที่มา : 9to5Google