หลังจากที่เปิดตัวในจีนไปก่อนหน้านี้เมื่อเดือนตุลาคม ล่าสุด realme GT 8 Pro ก็ได้ประกาศวันเปิดตัวสู่ตลาดโลกอย่างเป็นทางการในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 โดยทาง realme ยืนยันว่าจะนำจุดเด่นทั้งหมดจากรุ่นจีนมาสู่เวอร์ชัน Global แบบครบถ้วน ทั้งในเรื่องของกล้อง การออกแบบ และสมรรถนะการประมวลผล
สิ่งที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับแฟน ๆ มากที่สุดคือ โมดูลกล้องแบบถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งถูกยึดด้วยสกรูแบบ Torx 2 ตัว ผู้ใช้สามารถถอดฝาครอบกล้องออกเพื่อเปลี่ยนลวดลายหรือวัสดุได้ตามต้องการ และทาง realme ยังเตรียมจำหน่ายโมดูลเสริมเพิ่มเติม รวมถึงเปิดให้ผู้ใช้สามารถ ดาวน์โหลดไฟล์ต้นแบบ 3MF สำหรับพิมพ์ 3 มิติ (3D Printing) ได้ฟรีบนเว็บไซต์ MakerWorld เพื่อให้ทุกคนสามารถสร้างสรรค์ดีไซน์ในแบบของตัวเองได้
สำหรับเวอร์ชัน Global จะเปิดตัวพร้อมสีใหม่ 2 เฉด คือ Diary White และ Urban Blue โดยเฉพาะสี Urban Blue จะใช้ฝาหลังวัสดุหนังเทียมรีไซเคิลแบบพิเศษ (Paper-like Regenerated Leather) ซึ่งผลิตจากพลาสติกและเส้นใยรีไซเคิล พร้อมใช้สีย้อมออร์แกนิก เป็นแนวทางที่ผสมผสานความหรูหรากับความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมได้อย่างลงตัว
ในส่วนของสเปกภายใน realme GT 8 Pro รุ่น Global ยังคงเหมือนกับรุ่นที่จำหน่ายในประเทศจีน โดยมาพร้อมหน้าจอ AMOLED ความละเอียด 2K รีเฟรชเรตสูงถึง 144Hz ความสว่างสูงสุด 7,000 นิต, ขับเคลื่อนด้วย Snapdragon 8 Elite Gen 5 เสริมด้วย ชิป AI R1, กล้องหลัก RICOH GR 50MP พร้อมกันสั่น OIS, กล้องเทเลโฟโต้ Periscope 200MP ซูมได้สูงสุด 120 เท่า และกล้องอัลตราไวด์ 50MP นอกจากนี้ยังมี กล้องหน้า 32MP รองรับวิดีโอ 4K
ระบบเสียงจัดเต็มด้วยลำโพงสเตอริโอคู่, รองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 6, และ NFC ตัวเครื่องมาพร้อมเซนเซอร์สแกนนิ้วใต้จอแบบอัลตราโซนิค และ IR Blaster สำหรับควบคุมอุปกรณ์ไฟฟ้าในบ้าน ส่วนแบตเตอรี่ขนาด 7,000mAh รองรับการชาร์จไวสุด 120W และการชาร์จไร้สาย 50W พร้อมมาตรฐานกันน้ำกันฝุ่น IP66 / IP68 / IP69 ซึ่งถือว่าทนทานระดับสูงสุดในสมาร์ทโฟนซีรีส์ GT
ขณะนี้ realme ยังไม่ได้ประกาศวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย แต่คาดว่าหลังงานเปิดตัว Global ในวันที่ 20 พฤศจิกายน realme GT 8 Pro จะเริ่มทยอยเข้าวางจำหน่ายในตลาดเอเชียรวมถึงไทยเร็ว ๆ นี้ โดยคาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งรุ่นที่สร้างแรงสั่นสะเทือนในตลาดเรือธงช่วงปลายปี ด้วยจุดเด่นที่รวมความแรง เทคโนโลยี AI และดีไซน์แบบถอดเปลี่ยนได้เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว
ที่มา: GSMArena