อึด ถึก โหดจริง… Ulefone เปิดตัวแท็บเล็ตสายลุยรุ่นใหม่ตระกูล Armor Pad 5 ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “แท็บเล็ต = อุปกรณ์ภาคสนาม” มากกว่าแค่จอใหญ่ดูหนังเล่นเน็ต โดยไฮไลต์คือรุ่น Armor Pad 5 Ultra ที่ใส่โปรเจ็กเตอร์มาในตัว แบตเตอรี่ความจุมหาศาลระดับพาวเวอร์สเตชันพกพา และสเปกภายในที่จัดว่าไม่ธรรมดา
แบตเตอรี่: ระดับถึกเครื่องมือภาคสนาม
จุดเด่นชัดที่สุดคือแบตเตอรี่สองก้อน (dual-cell) รวมความจุประมาณ 24,200 mAh ซึ่งถือว่าเกินมาตรฐานแท็บเล็ตทั่วไปแบบคนละโลก Ulefone บอกว่าสามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานมาก ๆ เช่น ดูวิดีโอหรือคุยสายยาวเป็นสิบ ๆ ชั่วโมงติดกัน หรือถ้าวางทิ้งไว้ในโหมดสแตนด์บายก็อยู่ได้เป็นพันชั่วโมง ไม่ต้องพกสายชาร์จทั้งวันทั้งคืนก็ยังสบาย
ตัวเครื่องยังทำหน้าที่เป็นแบตสำรองให้เครื่องอื่นได้ด้วย เพราะรองรับการจ่ายไฟย้อนกลับ (reverse charging) ที่กำลังจ่าย 10W เอาไปชาร์จมือถือหรืออุปกรณ์อื่นในภาวะฉุกเฉินได้ทันที
ฝั่งชาร์จเข้า ก็ไม่ปล่อยให้รอนาน เพราะมีระบบชาร์จไว 120W ผ่านพอร์ต USB-C อัดพลังกลับจาก 0% ขึ้นมาประมาณ 20% ได้ในเวลาแค่ราว ๆ สิบนาที เหมาะกับสถานการณ์ “พักแป๊บ ชาร์จแป๊บ แล้วลุยต่อ”

โปรเจ็กเตอร์ฝังในเครื่อง (รุ่น Ultra เท่านั้น)
นี่คือจุดที่ทำให้ Armor Pad 5 Ultra แตกต่างจากเวอร์ชัน Pro แบบชัดเจน: มีโปรเจ็กเตอร์อยู่ในตัวเครื่องเลย ไม่ต้องพกอะไรเพิ่ม
ตัวฉายมีความสว่างราว 200 ลูเมน ความละเอียด 960 x 540 พิกเซล ถูกออกแบบมาให้ตั้งเครื่องแล้วฉายไปบนพื้นหรือผนังด้วยมุมเอียงประมาณ 26 องศา ใช้เปิดแผนที่ ภาพอธิบายงาน ภาพหลักฐาน หรือแม้แต่ฉายหนังกลางเต็นท์ก็ยังได้ เรียกว่าจาก “แท็บเล็ต” มันกลายเป็น “จอพกพา” ได้ทันที
รุ่น Armor Pad 5 Pro จะไม่มีโมดูลโปรเจ็กเตอร์ตัวนี้ นี่คือความต่างหลักระหว่างสองรุ่น
ตัวเครื่อง = ไฟฉายสนามระดับหนัก
ด้านหลังของซีรีส์ Armor Pad 5 มีการฝัง LED จำนวนมากถึงหลักราว ๆ 700 กว่าดวง (ตามข้อมูลคือ 754 ดวง) สร้างความสว่างได้สูงสุดประมาณ 1,000 ลูเมน ซึ่งสว่างพอสำหรับใช้งานกลางพื้นที่มืดจริงจัง ไม่ใช่แค่ไฟแฟลชมือถือธรรมดา
ผู้ใช้เลือกอุณหภูมิแสงได้ทั้งโทนอุ่น (warm) หรือโทนขาวเย็น (cold) แล้วแต่สภาพแวดล้อม และยังมีโหมดฉุกเฉิน (SOS) ที่ให้ไฟกระพริบเป็นสัญญาณขอความช่วยเหลือได้ด้วย อันนี้คือฟีเจอร์เชิงเอาตัวรอด ไม่ใช่ของเล่น
งานประกอบและหน้าจอ
หน้าจอมีขนาดประมาณ 11 นิ้ว ความละเอียดระดับ Full HD+ (1920 × 1200) อัตราส่วน 16:10 ความสว่างสูงสุดราว 600 นิต ซึ่งถือว่าเพียงพอสำหรับงานกลางแจ้งระดับแสงจ้าในหลายสถานการณ์
กระจกหน้าจอครอบด้วย Corning Gorilla Glass 3 เพื่อเพิ่มความทนทานต่อการขีดข่วนและแรงกระแทก เพราะแนวคิดของเครื่องนี้คือใช้งานสมบุกสมบัน ไม่ใช่แท็บเล็ตหรูไว้ตั้งบนโต๊ะกาแฟ
ลำโพงสเตอริโอคู่ให้เอาต์พุตดังระดับประมาณ 102 dB ซึ่งดังพอสำหรับใช้งานนอกอาคารหรือในสภาพแวดล้อมที่มีเสียงรบกวน
ตัวเครื่องยังผ่านมาตรฐานกันน้ำ กันฝุ่น และกันแรงดันน้ำขั้นสูง (ระดับ IP68 / IP69K) เรียกง่าย ๆ คือออกแบบมาเผชิญสภาพโหดกว่าการโดนน้ำหกใส่บนโต๊ะเยอะมาก

ฮาร์ดแวร์ภายใน
ด้านสมองของเครื่อง ใช้ชิปเซ็ตระดับ 5G ในตระกูล Dimensity 7400X รองรับเครือข่ายรุ่นใหม่ ความจำ RAM ใส่มา 12GB เกรดสูงพอสำหรับงานหลายหน้าต่างพร้อมกัน และที่เก็บข้อมูลภายในขนาด 512GB ใส่ไฟล์งาน วิดีโอระดับความละเอียดสูง แผนที่ออฟไลน์ ฯลฯ ได้สบาย
การเชื่อมต่อจัดเต็ม: รองรับสัญญาณ 5G, Wi-Fi 6E และ Bluetooth 5.4 ส่วนระบบนำทางระบุตำแหน่ง มีการรองรับหลายกลุ่มดาวเทียมพร้อมกัน (multi-constellation) เพื่อความแม่นยำระหว่างใช้งานกลางแจ้ง
กล้องไม่ได้มาเล่น ๆ
กล้องหลักด้านหลังมีความละเอียด 64MP ใช้สำหรับการถ่ายภาพปกติ ส่วนที่พิเศษคือมีโมดูลกล้องอินฟราเรดสำหรับมองกลางคืน (night vision IR) ความละเอียด 64MP เช่นกัน เอาไว้เก็บภาพในที่มืดแบบมองด้วยตาเปล่าแทบไม่เห็นรายละเอียด
กล้องหน้าความละเอียด 32MP รองรับการคอลวิดีโอ / ประชุมงาน / รายงานสถานการณ์ภาคสนามแบบเห็นหน้าแบบชัด ๆ
ใช้งานได้ทั้งออฟฟิศและนอกภาคพื้นสบาย
สิ่งที่น่าสนใจคือ Ulefone พยายามผลักแท็บเล็ตซีรีส์นี้ให้เป็นอุปกรณ์สารพัดประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการเครื่องเดียวจบ:
ใช้ทำงานและสื่อสาร (จอ 11 นิ้ว + 5G + วิดีโอคอลชัด ๆ)
ใช้ภาคสนาม (ไฟฉายแรงจัด + กันน้ำฝุ่น + แบตยักษ์ + โปรเจ็กเตอร์ในตัว)
ใช้เป็นแบตสำรองเวลาอุปกรณ์อื่นใกล้ดับ
โดยเฉพาะรุ่น Armor Pad 5 Ultra ที่มีโปรเจ็กเตอร์ เรียกว่ามีพกเครื่องเดียวไปไซต์งาน สามารถฉายข้อมูลให้ทั้งทีมดูได้เลย ไม่ต้องง้อโน้ตบุ๊กกับโปรเจ็กเตอร์แยก
เรื่องราคาวางขาย
ราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Armor Pad 5 Ultra และ Armor Pad 5 Pro ยังไม่ได้ประกาศแน่นอน ณ ตอนนี้ แต่กระแสรอบก่อนหน้าของซีรีส์นี้มักจะอยู่โซนประมาณ 399 – 499 ดอลลาร์สหรัฐ (ตีเป็นเงินไทยระดับหมื่นกลาง ๆ ถึงหมื่นปลาย ขึ้นกับภาษีและโปรโมชัน)
ตามแผนการตลาด เครื่องจะขึ้นขายผ่านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซต่างประเทศช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยเน้นเจาะกลุ่มที่ต้องการแท็บเล็ตใช้งานสมบุกสมบันจริง ไม่ใช่ของแต่งโต๊ะ
ที่มา : Gizmochina, Ulefone