ประชาชนในเมียนมาเตรียมรวมตัวกดดันรัฐบาล เร่งเจรจากับไทยเรื่องไฟฟ้าและน้ำมัน หลังได้รับผลกระทบจากมาตรการระงับการส่งพลังงานของไทย

จากกรณีที่รัฐบาลไทยมีคำสั่งระงับการจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับเมียนมาตามมติของสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2568 ส่งผลให้ประชาชนเมียนมาบางส่วนได้รับผลกระทบอย่างหนัก ล่าสุดมีรายงานว่า กลุ่มผู้ได้รับผลกระทบเตรียมนัดชุมนุมในวันนี้ (8 กุมภาพันธ์) เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเมียนมาประสานงานกับฝ่ายไทยเพื่อหาทางออก

โดยเมื่อเวลา 08.30 น. กลุ่มประชาชนจากเมียวดีและพื้นที่ใกล้เคียงได้รวมตัวกันที่หน้าโรงพยาบาลเมียวดี ก่อนจะเคลื่อนขบวนไปยังสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ทั้งแห่งที่ 1 และแห่งที่ 2 (ฝั่งเมียนมา) เพื่อแสดงจุดยืนในการขอให้มีการเจรจาแก้ไขปัญหาดังกล่าว คาดว่ามีผู้เข้าร่วมประมาณ 3,000 คน

เส้นทางการเดินขบวนเริ่มต้นจากสวนสาธารณะเมียะสั่นดี่ ในเขตหมู่ 4 เมืองเมียวดี ผ่านถนนโรงพยาบาล, ถนนบะหยิ่นหน่อง, ถนนเมียะยะตะหน่า, ถนนโบโช๊ก, ถนนชิดจีเย, แยกทางเหย่ปู่ และไปสิ้นสุดที่สะพานมิตรภาพแห่งที่ 2

ด้านนายอูตูเหร่งมินทูน หัวหน้าสมัชชาประชาชนจังหวัดเมียวดี เปิดเผยว่า การตัดกระแสไฟฟ้าของไทยส่งผลกระทบต่อ 5 จุดสำคัญตามแนวชายแดน โดยเฉพาะในเขตเมียวดี ตรงข้ามอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก ทำให้เกิดวิกฤติด้านพลังงาน ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงพุ่งสูงขึ้น และมีแนวโน้มขาดแคลนอย่างหนัก สถานีบริการน้ำมัน 13 แห่งในพื้นที่เริ่มได้รับผลกระทบ เช่นเดียวกับโรงพยาบาลเมียวดี ซึ่งเป็นศูนย์รักษาพยาบาลขนาดใหญ่ กำลังเผชิญปัญหาขาดแคลนไฟฟ้าและออกซิเจนสำหรับผู้ป่วยวิกฤติ

นายอูตูเหร่งมินทูนย้ำว่า ชาวเมียนมาไม่ได้ต้องการสร้างความขัดแย้ง แต่ต้องการให้รัฐบาลไทยพิจารณาผ่อนปรนมาตรการด้านพลังงาน เนื่องจากวิกฤติไฟฟ้าได้ส่งผลกระทบรุนแรง โดยเฉพาะต่อระบบสาธารณสุข

ขณะเดียวกัน นายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก เปิดเผยเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ว่า ได้มีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบการในพื้นที่ เพื่อกำชับให้ดำเนินการตามกฎหมายในการควบคุมสินค้าและป้องกันการสนับสนุนกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติ รวมถึงแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อย่างไรก็ตาม ประเด็นผลกระทบต่อโรงพยาบาลฝั่งเมียวดี ขณะนี้ยังไม่มีการประสานขอความช่วยเหลือเข้ามาโดยตรง ซึ่งหากมีการร้องขอ คงต้องหารือผ่านศูนย์สั่งการชายแดนต่อไป