บริษัทเอกชนของไต้หวัน Apex Aviation กำลังนำเครื่องบินเบา Tecnam P2012 Traveller ซึ่งติดตั้งเรดาร์สังเคราะห์ความละเอียดสูงจากสหรัฐฯ บินลาดตระเวนเฝ้าติดตามเรือรบจีนทางตะวันออกของไต้หวัน โดยเก็บข้อมูลที่สามารถส่งต่อให้กองทัพและกองกำลังชายฝั่งใช้ในการตรวจสอบความเคลื่อนไหวในทะเลรอบเกาะ การดำเนินงานนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางใหม่ของรัฐบาลไต้หวันที่ต้องการดึงบริษัทเอกชนเข้ามามีบทบาทด้านความมั่นคง เช่น การสนับสนุนระบบสื่อสาร โลจิสติกส์ ป้องกันไซเบอร์ และการสอดแนม

แม้กระทรวงกลาโหมยังระบุว่าสามารถเฝ้าติดตามจีนได้อย่างมีประสิทธิภาพและยังไม่มีแผนความร่วมมือโดยตรง แต่ก็เปิดรับแนวคิดใหม่ ๆ ขณะที่กองกำลังชายฝั่งมุ่งพัฒนาศักยภาพด้านโดรนและจะขยายไปสู่การใช้เครื่องบินขับเคลื่อนด้วยนักบิน Apex ลงทุนกว่า 400 ล้านดอลลาร์ไต้หวันในการปรับแต่งเครื่องบินให้เหมาะกับงานลาดตระเวน และยืนยันว่าข้อมูลที่รวบรวมได้สามารถนำไปใช้สนับสนุนภารกิจของรัฐบาลไต้หวันได้ นอกจากนี้ บริษัทยังมองเห็นโอกาสธุรกิจในภูมิภาค ด้วยการให้บริการลาดตระเวนต้นทุนต่ำแก่ประเทศพันธมิตร

ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าต้องมีกรอบกฎหมายรองรับการใช้เครื่องบินเอกชนในงานลาดตระเวน และต้องพิจารณาความเสี่ยงจากการถูกกดดันหรือคุกคามจากจีน ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการบินลาดตระเวนด้วยเครื่องบินเบานั้นต่ำกว่าการใช้เครื่องบินทหารถึงสิบเท่า แม้ Apex จะบินเฉพาะในน่านฟ้าไต้หวัน แต่เที่ยวบินหนึ่งไปเกาะ Kinmen เคยถูกเครื่องบินจีนเข้ามาใกล้หลายวันติดต่อกันในเดือนมิถุนายน ซึ่งสร้างความกังวลด้านความปลอดภัย แต่ประธาน Apex ยืนยันว่าจะเดินหน้าโครงการต่อไป

โครงการนี้สะท้อนแนวโน้มใหม่ของรัฐบาลไต้หวันที่สนับสนุนบริษัทที่ไม่เคยมีประสบการณ์ด้านกลาโหมให้พัฒนานวัตกรรมเพื่อใช้ทางทหาร เช่น โดรน SeaShark 800 ของ Thunder Tiger ที่สามารถบรรทุกระเบิดหนัก 1,200 กิโลกรัมและบินได้ไกล 500 กม. โดรนเหล่านี้ถูกนำเสนอให้กองทัพไต้หวันทดลองใช้งาน เป็นตัวอย่างของความพยายามผสมผสานระหว่างเทคโนโลยีเอกชนกับความมั่นคงของชาติ

ที่มา : reuters