สิงคโปร์ประกาศเดินหน้าเพิ่มมาตรการควบคุมการใช้หน้าจอในสถานศึกษา โดยกระทรวงศึกษาธิการ (MOE) ระบุว่า ตั้งแต่เดือนมกราคม ปี 2026 เป็นต้นไป นักเรียนระดับมัธยมศึกษาจะถูกห้ามใช้สมาร์ตโฟนและสมาร์ตวอตช์ภายในเวลาเรียนทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นชั่วโมงเรียนโดยตรงหรือช่วงเวลานอกบทเรียน

มาตรการใหม่นี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างพฤติกรรมการใช้อุปกรณ์ดิจิทัลที่เหมาะสม และลดผลกระทบต่อสมาธิและสุขภาพจิตของนักเรียน หลังจากพบปัญหาการใช้งานหน้าจอเกินเกณฑ์ในเด็กและเยาวชนจำนวนมาก

ขยายข้อห้ามจากเฉพาะเวลาเรียน → ครอบคลุมทั้งวันเรียน

ที่ผ่านมา โรงเรียนระดับมัธยมมีข้อกำหนดห้ามใช้โทรศัพท์เฉพาะในช่วงเรียน แต่ด้วยแนวโน้มการใช้หน้าจอที่เพิ่มขึ้น รัฐบาลจึงตัดสินใจขยายกฎไปครอบคลุมช่วงพักกลางวัน เวลาทำกิจกรรมหลังเลิกเรียน ตลอดจนกิจกรรมเสริมและเรียนปรับพื้นฐาน

MOE ระบุว่า นักเรียนจะต้องเก็บอุปกรณ์ไว้ในพื้นที่เก็บของที่โรงเรียนจัดไว้ หรือเก็บไว้ในกระเป๋าโดยไม่หยิบมาใช้ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในโรงเรียน แต่หากมีกรณีจำเป็นเฉพาะเจาะจง โรงเรียนสามารถอนุญาตเป็นกรณีพิเศษได้

โรงเรียนประถมใช้มาตรการนี้มาก่อนแล้ว เห็นผลเชิงบวกชัดเจน

มาตรการควบคุมหน้าจอสำหรับนักเรียนระดับประถมถูกนำมาใช้ตั้งแต่มีการผลักดันนโยบายด้านสุขภาพ “Grow Well SG” และพบว่าสามารถลดความฟุ้งซ่าน เพิ่มปฏิสัมพันธ์ทางสังคม และส่งผลดีต่อความเป็นอยู่ของเด็ก ทำให้รัฐบาลนำแนวทางเดียวกันมาปรับใช้กับระดับมัธยมศึกษา

ก่อนหน้านี้ โรงเรียนมัธยมบางแห่งเริ่มทดลองใช้นโยบายเข้มข้นมาก่อนแล้ว และพบผลลัพธ์คล้ายกัน จึงมุ่งขยายมาตรการให้ใช้ทั่วประเทศ

รัฐบาลชี้ เด็กมัธยมปลายมีวุฒิภาวะมากกว่า แต่ยังต้องจำกัดการใช้อุปกรณ์ในชั้นเรียน

สำหรับนักเรียนระดับเตรียมอุดมศึกษาและ Millennia Institute กระทรวงศึกษาธิการมองว่า เด็กกลุ่มนี้มีทักษะการจัดการตัวเองดีกว่า จึงสามารถใช้สมาร์ตโฟนและสมาร์ตวอตช์ได้ในช่วงนอกชั้นเรียน แต่ในชั่วโมงเรียนยังคงต้องได้รับอนุญาตจากครูผู้สอนก่อนเสมอเพื่อป้องกันสิ่งรบกวน

ครูมีสิทธิ์กำหนดแนวปฏิบัติเพิ่ม และต้องทำงานร่วมกับผู้ปกครอง

แม้รัฐบาลจะออกแนวทางกลาง แต่แต่ละโรงเรียนยังมีอิสระในการตั้งกฎระเบียบด้านวินัยให้สอดคล้องกับบริบทของตนเอง โดย MOE ย้ำว่าเมื่อพบการใช้โทรศัพท์ผิดวัตถุประสงค์ ครูจะทำงานร่วมกับนักเรียนและผู้ปกครองเพื่อแก้ไขพฤติกรรมเป็นอันดับแรก ก่อนปรับใช้มาตรการทางวินัยตามความเหมาะสม

นโยบายชุดใหม่นี้ถือเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนสำคัญของรัฐบาลสิงคโปร์เพื่อรับมือปัญหาการใช้หน้าจอเกินความจำเป็น พร้อมสร้างสิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมสมาธิ การเรียนรู้ และปฏิสัมพันธ์ทางสังคมของเด็กในระยะยาว

ที่มา : channelnewsasia