TOKYO ผู้คนหลายพันคนถูกอพยพจากพื้นที่ตอนเหนือของญี่ปุ่น หลังจากไฟป่าที่ใหญ่ที่สุดในรอบสามทศวรรษยังคงลุกไหม้ต่อเนื่องในวันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยหนึ่งราย เจ้าหน้าที่กล่าวว่าเหตุการณ์นี้กำลังเป็นภัยพิบัติที่ทวีความรุนแรงขึ้น

ประมาณ 2,000 คนจากพื้นที่ใกล้เคียงเมืองโอฟุนาโตะในภูมิภาคโทโฮคุได้อพยพไปพักอาศัยกับเพื่อนหรือญาติ ขณะที่อีกกว่า 1,200 คนถูกอพยพไปยังที่หลบภัยของรัฐ เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานป้องกันภัยพิบัติระบุว่า การอพยพยังคงดำเนินต่อไปเนื่องจากสถานการณ์ไฟป่าที่ยังไม่มีทีท่าว่าจะสงบลง

โฆษกจากหน่วยงานจัดการภัยพิบัติกล่าวว่า “ขณะนี้เรากำลังประเมินขนาดของพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดว่ามันจะเป็นไฟป่าที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นนับตั้งแต่เหตุการณ์ไฟป่าในปี 1992 ที่เมืองคุชิโระในฮอกไกโด”

จากรายงานเบื้องต้น การประเมินขนาดไฟป่ามีความครอบคลุมถึงพื้นที่กว่า 1,800 เฮกตาร์ ซึ่งเป็นขนาดพื้นที่ที่กว้างขวางมากและยากต่อการควบคุม การป้องกันไฟจากหน่วยงานท้องถิ่นและการส่งเฮลิคอปเตอร์ทหารเพื่อดับไฟมีบทบาทสำคัญในการควบคุมสถานการณ์ในเบื้องต้น โดยภาพถ่ายจากอากาศที่เผยแพร่โดย NHK แสดงให้เห็นควันสีขาวลอยพุ่งขึ้นจากพื้นที่ที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ ขณะที่เฮลิคอปเตอร์ทหารยังคงพยายามดับไฟในพื้นที่ที่มีการปะทุ

เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อสี่วันที่ผ่านมา และสถานการณ์ยังคงทวีความรุนแรงขึ้น แม้จะมีการส่งกำลังเจ้าหน้าที่ดับเพลิงจำนวนมากกว่า 1,700 คนจากทั่วประเทศไปยังพื้นที่เสี่ยงภัย ขณะเดียวกันอาคารบ้านเรือนกว่า 80 หลังได้รับความเสียหายจากเพลิงไหม้และยังมีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของชุมชน

ถึงแม้ว่าไฟป่าจะลดลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา แต่การเกิดไฟป่าในญี่ปุ่นยังคงเป็นปัญหาสำคัญ โดยในปี 2023 มีการบันทึกเหตุการณ์ไฟป่าเกือบ 1,300 ครั้ง กระจายอยู่ในหลายพื้นที่ โดยเฉพาะในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงเมษายนที่อากาศแห้งและมีลมแรงเพิ่มโอกาสในการเกิดไฟ

เจ้าหน้าที่ประเมินว่าเหตุการณ์ไฟป่านี้อาจจะมีผลกระทบอย่างยาวนานต่อสภาพแวดล้อมและเศรษฐกิจในพื้นที่ โดยเฉพาะการทำลายป่าและการสูญเสียที่ดินการเกษตรที่สำคัญ นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังคงพยายามหาทางดับไฟและป้องกันไม่ให้มันลุกลามไปยังพื้นที่อื่นๆ ที่มีความเสี่ยงสูง

รัฐบาลญี่ปุ่นกำลังเร่งให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนการฟื้นฟูสภาพพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำจากหน่วยงานท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียมากขึ้นในอนาคต

ที่มา : channelnewsasia