เจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมเศรษฐกิจ (ปอศ.) สนธิกำลังจับกุมนายธาวิญญ์ อายุ 32 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ในหลายข้อหาหนัก ทั้งร่วมกันฉ้อโกง, ฉ้อโกงประชาชน, กู้ยืมเงินที่เข้าข่ายเป็นการฉ้อโกงประชาชน และนำเข้าข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ โดยสามารถจับกุมได้ที่ถนนสายนาแก – สกลนคร จังหวัดนครพนม
คดีดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2558 เมื่อผู้ต้องหากับพวกอ้างตัวเป็นผู้บริหารบริษัทขายตรงเครื่องดื่มสมุนไพร ใช้กลยุทธ์ชักชวนประชาชนให้ร่วมลงทุน โดยอ้างผลตอบแทนสูงผิดปกติถึง 20–40% ต่อเดือน หรือรวมแล้วกว่า 240–480% ต่อปี พร้อมแถมสิทธิพิเศษ เช่น การท่องเที่ยวต่างประเทศ และทองคำแท่ง อีกทั้งยังสร้างเว็บไซต์เพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือ
ในระยะแรก ผู้ลงทุนได้รับผลตอบแทนจริงตามที่โฆษณาไว้ ทำให้หลายรายมั่นใจและยอมเพิ่มเงินลงทุน แต่ในที่สุดบริษัทกลับหยุดจ่ายผลตอบแทน และบ่ายเบี่ยงการคืนเงิน กระทั่งปิดบริษัทหลบหนี ทิ้งให้ผู้เสียหาย 18 ราย สูญเงินรวมกว่า 3 ล้านบาท
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา ตำรวจสามารถติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการได้แล้ว 2 ราย เหลือเพียงนายธาวิญญ์ซึ่งมีบทบาทสำคัญในฐานะกรรมการบริษัท และเป็นเจ้าของบัญชีรับเงินลงทุนทั้งหมด จนกระทั่งล่าสุดมีเบาะแสว่าเจ้าตัวเปลี่ยนอาชีพไปทำงานเป็นพนักงานขายรถแทรกเตอร์ในจังหวัดนครพนม ตำรวจจึงวางแผนเข้าจับกุมและนำตัวส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
การจับกุมครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการฉ้อโกงรูปแบบใหม่ที่แฝงมาในคราบธุรกิจขายตรงและการลงทุนออนไลน์ ซึ่งเจ้าหน้าที่เตือนว่าผู้ที่สนใจลงทุนควรตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้าน โดยเฉพาะหากมีการอ้างผลตอบแทนสูงผิดปกติ เพราะอาจเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่หรือการฉ้อโกงเช่นเดียวกับกรณีนี้