ราคาน้ำมันดิบโลกปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา สร้างแรงกังวลในตลาดพลังงานและนักลงทุนทั่วโลก หลังจากมีกระแสข่าวว่า โอเปกพลัส (OPEC+) อาจมีมติให้ทยอยนำน้ำมันดิบสำรองกลับเข้าสู่ตลาด เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการผลิตคืน ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่

ราคาน้ำมันดิบร่วงหนักสุดในรอบกว่า 3 เดือน

รายงานจาก บลูมเบิร์ก ระบุว่า น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) ร่วงลงต่ำกว่า 61 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และหดตัวเกือบ 8% ในรอบสัปดาห์ ซึ่งนับเป็นการลดลงรายสัปดาห์แรงที่สุดตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ขณะที่น้ำมันดิบเบรนท์ (Brent) เคลื่อนไหวปิดใกล้ 64 ดอลลาร์/บาร์เรล ในการซื้อขายวันพฤหัสบดีที่ 2 ตุลาคม 2568

แรงกดดันเกิดจากความไม่แน่นอนก่อนการประชุมใหญ่ของกลุ่มโอเปกพลัสในวันอาทิตย์นี้ ซึ่งจะหารือถึงระดับกำลังการผลิตในเดือนพฤศจิกายน รวมถึงความเป็นไปได้ในการปรับเพิ่มกำลังผลิตเร็วกว่ากำหนด เพื่อป้องกันไม่ให้สูญเสียส่วนแบ่งทางการตลาด

สัญญาณอุปทานล้นตลาดเริ่มชัดเจน

ข้อมูลเบื้องต้นจากตลาดน้ำมันตะวันออกกลางสะท้อนว่า ภาวะ oversupply หรืออุปทานเกินความต้องการกำลังเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ขณะที่ สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ออกรายงานคาดการณ์ว่า ปี 2569 จะเป็นปีที่โลกเผชิญภาวะอุปทานล้นตลาดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากการกลับมาผลิตของโอเปกพลัส ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันที่ไม่ได้เติบโตตามคาด จากเศรษฐกิจจีนและยุโรปที่ชะลอตัว

สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ในวอลล์สตรีทบางแห่งถึงกับประเมินว่า หากสถานการณ์ยังดำเนินไปในทิศทางนี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์มีโอกาสร่วงลงแตะ 50 ดอลลาร์/บาร์เรล ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้า

ปัจจัยเสริมกดดันตลาด

  • การผลิตของโอเปกเพิ่มขึ้นแล้วกว่า 400,000 บาร์เรล/วัน ในเดือนกันยายน ตามผลสำรวจของบลูมเบิร์ก ถือเป็นการสิ้นสุดมาตรการลดกำลังการผลิตที่ใช้มาตั้งแต่ปี 2566

  • ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกรับแรงกดดันเพิ่ม เพราะน้ำมันซื้อขายด้วยสกุลดอลลาร์

  • กำลังการผลิตใหม่จากสหรัฐฯ และแคนาดาเข้าสู่ตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะการขุดเจาะน้ำมันจากชั้นหินดินดาน (Shale Oil)

ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจโลก

การร่วงลงของราคาน้ำมันครั้งนี้อาจส่งผลสองด้าน ด้านหนึ่งช่วยบรรเทาแรงกดดันเงินเฟ้อของหลายประเทศผู้นำเข้า แต่ในอีกด้านหนึ่ง ภาวะราคาที่ต่ำเกินไปจะกระทบต่อรายได้ของผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่และเศรษฐกิจของประเทศที่พึ่งพาการส่งออกพลังงาน เช่น ซาอุดีอาระเบีย รัสเซีย และประเทศในกลุ่มโอเปกอื่น ๆ

ราคาล่าสุดเช้าวันที่ 3 ตุลาคม 2568

  • WTI ส่งมอบเดือนพฤศจิกายน ขยับขึ้นเล็กน้อย 0.3% อยู่ที่ 60.68 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังร่วงกว่า 2.1% ในวันก่อนหน้า

  • Brent ส่งมอบเดือนธันวาคม ปิดลดลง 1.9% อยู่ที่ 64.11 ดอลลาร์/บาร์เรล


มุมมองในอนาคต

ตลาดพลังงานกำลังเผชิญจุดเปลี่ยนสำคัญ การตัดสินใจของโอเปกพลัสในสัปดาห์นี้อาจเป็นตัวกำหนดทิศทางราคาน้ำมันในช่วงที่เหลือของปีและปีหน้า หากกลุ่มเลือกเพิ่มกำลังผลิตเร็วกว่าคาด ราคาน้ำมันมีโอกาสปรับตัวลงต่อเนื่อง และสร้างแรงกระเพื่อมต่อเศรษฐกิจโลกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้