อีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาและสเปซเอ็กซ์ ได้สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้ถือหุ้นทั่วโลกอีกครั้ง หลังขึ้นเวทีในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีของบริษัทเทสลา โดยเขาได้ประกาศแผนการครั้งสำคัญที่จะกำหนดทิศทางของบริษัทในอนาคต เริ่มจากการเปิดเผยว่าเทสลาจะเริ่มสายการผลิต “Cybercab” รถแท็กซี่หุ่นยนต์ไร้พวงมาลัยแบบสองที่นั่งในเดือนเมษายนปีหน้า ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญของเทสลาในการเข้าสู่ธุรกิจบริการขนส่งอัตโนมัติเต็มรูปแบบ พร้อมกันนี้มัสก์ยังยืนยันว่าจะมีการเปิดตัว “Roadster” รถสปอร์ตไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่แฟน ๆ ทั่วโลกเฝ้ารอในปีเดียวกัน โดยเขาย้ำว่าโครงการนี้จะเป็นสัญลักษณ์ของพลังและความก้าวหน้าด้านวิศวกรรมยานยนต์ไฟฟ้าที่เทสลาภูมิใจนำเสนอ นอกจากนี้ มัสก์ยังเปิดเผยว่าบริษัทมีแผนสร้าง “โรงงานผลิตชิปขนาดยักษ์” หรือ Gigantic Chip Fab เพื่อรองรับการผลิตชิปปัญญาประดิษฐ์ (AI) ของเทสลาเอง ซึ่งอาจเป็นการปฏิวัติวงการเทคโนโลยีอีกครั้ง และยังกล่าวเป็นนัยว่ามีความเป็นไปได้ในการร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตชิปรายใหญ่อย่าง Intel ในอนาคต

มัสก์พูดอย่างอารมณ์ดีระหว่างการประชุมว่า “งานประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทอื่นอาจจะน่าเบื่อ แต่ของเรามันสุดยอดจริง ๆ ดูสิ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้มันบ้าคลั่งและเจ๋งมาก” ซึ่งเรียกเสียงปรบมือจากผู้ถือหุ้นได้ทั่วทั้งห้อง การประชุมครั้งนี้ยังมีวาระสำคัญหลายประการ โดยผู้ถือหุ้นได้ลงมติรับรองการแต่งตั้งกรรมการสามคนกลับเข้าสู่ตำแหน่ง รวมถึงเห็นชอบให้มีการเลือกตั้งคณะกรรมการทุกปี และที่สำคัญคือมีการอนุมัติแผนค่าตอบแทนชุดใหม่ของมัสก์ ที่เคยถูกศาลรัฐเดลาแวร์ระงับไว้ก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ยังมีมติให้เทสลาสามารถลงทุนในบริษัทสตาร์ตอัปด้านปัญญาประดิษฐ์ “xAI” ซึ่งเป็นบริษัทที่มัสก์ก่อตั้งขึ้นเอง แม้ว่าผลโหวตจะมีเสียงงดออกเสียงจำนวนไม่น้อย สะท้อนถึงความลังเลของนักลงทุนรายใหญ่ที่ต้องการให้บอร์ดเทสลามีมาตรการควบคุมและกำกับดูแลอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการทับซ้อนของผลประโยชน์ระหว่างธุรกิจในเครือของมัสก์

อย่างไรก็ตาม ผลการประชุมครั้งนี้ถือเป็นชัยชนะอีกครั้งของอีลอน มัสก์ แม้จะมีนักลงทุนรายใหญ่บางส่วนออกมาแสดงจุดยืนคัดค้าน เช่น กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาตินอร์เวย์ (Norway Sovereign Wealth Fund) รวมถึงบริษัทที่ปรึกษาด้านสิทธิผู้ถือหุ้นชื่อดังอย่าง Glass Lewis และ ISS แต่เสียงส่วนใหญ่ของผู้ถือหุ้นยังคงเทใจให้กับซีอีโอพันล้านรายนี้ โดยมองว่าแผนค่าตอบแทนและแนวทางการบริหารของมัสก์จะส่งผลดีต่อบริษัทในระยะยาว เพราะทุกส่วนของค่าตอบแทนจะขึ้นอยู่กับความสามารถในการทำให้เทสลาบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ ไม่ใช่เพียงแค่การอยู่ในตำแหน่ง

สำหรับเป้าหมายในทศวรรษข้างหน้า มัสก์วางวิสัยทัศน์อันยิ่งใหญ่ให้เทสลากลายเป็นบริษัทที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโลกด้านเทคโนโลยีและ AI โดยตั้งเป้าผลิตรถยนต์ให้ได้ 20 ล้านคันต่อปี มีหุ่นยนต์แท็กซี่ให้บริการบนถนนไม่น้อยกว่า 1 ล้านคัน ผลิตหุ่นยนต์เพื่อใช้งานในภาคครัวเรือนและอุตสาหกรรมกว่า 1 ล้านตัว และทำกำไรหลักได้สูงสุดถึง 400,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทั้งหมดนี้ต้องเดินควบคู่ไปกับการเพิ่มมูลค่าตลาดของบริษัทจากระดับ 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ในปัจจุบันให้ทะยานขึ้นแตะ 2 ล้านล้าน และสูงสุดที่ 8.5 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งหากเทสลาทำได้ตามแผน มัสก์จะได้รับสิทธิในหุ้นเพิ่มเติมตามสัดส่วนสูงสุดถึง 12% ของบริษัท หรือคิดเป็นมูลค่ากว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์

นักวิเคราะห์หลายฝ่ายมองว่าการประชุมครั้งนี้คือการยืนยันอีกครั้งว่า มัสก์ยังคงมุ่งมั่นในการผลักดันเทสลาให้ก้าวข้ามขอบเขตของคำว่า “ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า” สู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยีที่มีบทบาทในโลกแห่งปัญญาประดิษฐ์และหุ่นยนต์อัตโนมัติอย่างแท้จริง โดยเฉพาะการประกาศสร้างโรงงานผลิตชิป AI ขนาดยักษ์นั้นถูกมองว่าเป็นหมากสำคัญที่จะทำให้เทสลามีศักยภาพเหนือคู่แข่งในตลาดยานยนต์ไฟฟ้าและอุตสาหกรรม AI ทั่วโลก แม้จะมีคำถามว่าค่าตอบแทนมหาศาลที่มัสก์จะได้รับหากบรรลุเป้าหมายอาจสร้างความกังวลเรื่องความเข้มข้นของอำนาจในมือของเขา แต่นักลงทุนส่วนใหญ่ก็ยังเชื่อว่ามัสก์คือคนที่สามารถขับเคลื่อนเทสลาให้ไปถึงอนาคตที่วาดไว้ได้จริง

ท้ายที่สุด มัสก์กล่าวปิดงานด้วยรอยยิ้มว่า สิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่เพียงผลตอบแทนทางการเงิน แต่คือ “สิทธิในการกำหนดทิศทางของอนาคต” เพื่อสร้างสิ่งที่เขาเรียกว่า “กองทัพหุ่นยนต์” หรือ Robot Army ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญของมนุษยชาติในยุค AI และเป็นอีกครั้งที่อีลอน มัสก์ แสดงให้เห็นว่า วิสัยทัศน์ของเขายังคงไปไกลเกินกว่าที่โลกจะคาดเดาได้เสมอ

ที่มา : reuters