Samsung  เดินเครื่องเตรียมเรือธงรุ่นใหม่ต่อเนื่อง และประเด็นที่แฟน ๆ เทคโนโลยีจับตาเป็นพิเศษยังคงเป็น “ชิปประมวลผล” เพราะกระแสข่าวล่าสุดชี้ว่ารุ่นท็อปอย่าง Galaxy S26 Ultra จะได้ชิป Snapdragon เวอร์ชันพิเศษภายใต้โครงการ “Snapdragon for Galaxy” ที่ถูกคัดเกรดและปรับจูนร่วมกับ One UI โดยตรง เพื่อรีดสมรรถนะให้เหนือกว่ามือถือ Android ค่ายอื่นที่ใช้ชิปรุ่นเดียวกัน ในเอกลักษณ์ของซีรีส์ Ultra ที่เน้นพลังเต็มข้อและเสถียรภาพการใช้งานจริง

ข้อมูลจากแวดวงผู้ผลิตระบุว่าชิปรุ่นล่าสุดซึ่งถูกเรียกกันไม่เป็นทางการว่า 8 Elite จะได้รับการ “บูสต์คล็อก” เพิ่มจากรุ่นมาตรฐาน โดยความเร็วคอร์สูงสุดถูกพูดถึงว่าแตะเกือบ 4.74GHz ขณะที่รุ่นทั่วไปอยู่ราว 4.61GHz ความต่างนี้แม้ดูเล็กน้อยบนสเปก แต่เมื่อจับคู่กับการจูนซอฟต์แวร์ระดับเคอร์เนลและตัวจัดตารางงานของ One UI จะช่วยให้คะแนนทดสอบและความเร็วตอบสนองในการใช้งานจริงกระฉับกระเฉงขึ้น โดยเฉพาะงานที่ยืดเยื้ออย่างเล่นเกมเฟรมเรตสูง ตัดต่อวิดีโอบนมือถือ หรือประมวลผลฟีเจอร์ AI บนเครื่อง (on-device) ที่กำลังกลายเป็นหัวใจของมือถือยุคใหม่

หากมองย้อนไป ซัมซุงเคยวางแผนผลักดัน Exynos 2500 ให้ครอบคลุมหลายรุ่น แต่สุดท้ายต้องถอยมาพึ่ง Snapdragon ในตลาดหลักเนื่องจากความพร้อมด้านการผลิต อย่างไรก็ตามทิศทางของ Exynos ไม่ได้หยุดนิ่ง มีสัญญาณว่า Exynos 2600 บนกระบวนการ 2nm กำลังเดินหน้าทดสอบเพื่อกลับมาแบ่งภาคตลาดของซีรีส์ S ในอนาคต ขณะที่ฝั่ง Ultra ของปีนี้แนวโน้มยังยึด Snapdragon for Galaxy เป็นแกนกลาง เพื่อคงภาพลักษณ์ “แรงสุดในบ้าน Android” เอาไว้

ด้านการระบายความร้อนและความเสถียร เป็นอีกจุดที่ถูกจับตาไม่แพ้ตัวชิป แหล่งข่าวหลายรายบอกไปในทิศทางเดียวกันว่าซัมซุงให้ความสำคัญกับการคงประสิทธิภาพยาว ๆ มากกว่าพุ่งแรงแค่ช่วงสั้น ๆ คาดว่าระบบห้องไอน้ำ (vapor chamber) และซอฟต์แวร์จัดการความร้อนจะถูกขยายขีดความสามารถ เพื่อให้คล็อกระดับสูงอยู่ได้ยาวนานขึ้นโดยไม่เร่งลดความเร็วเมื่ออุณหภูมิสะสม

ฝั่งประสบการณ์ใช้งานจริง คาดว่า One UI รุ่นถัดไปจะขยาย Galaxy AI ให้ครอบคลุมงานภาพและวิดีโอมากขึ้น เช่น การลบ/ย้ายวัตถุแบบแม่นยำ การซูมด้วยพลังประมวลผลคอมพิวเตอร์วิทชัน และการยกระดับเสียงพูดในวิดีโอที่ถ่ายจากมือถือ—all on device—อาศัยพลัง NPU ที่อัปเกรดขึ้นของ Snapdragon เวอร์ชัน Galaxy ประกบกับหน่วยความจำความเร็วสูงและสตอเรจมาตรฐาน UFS 4.x เพื่อลดคอขวดในการประมวลผลไฟล์ขนาดใหญ่

ด้านฮาร์ดแวร์กล้อง ยังไม่มีตัวเลขชัดเจนออกมา แต่แนวทางของ Ultra ไม่ทิ้งจุดขาย “กล้องความละเอียดสูงระดับร้อยล้านพิกเซล + เลนส์เทเลระยะไกล” โดยที่ซอฟต์แวร์เล่นบทพระเอกมากขึ้น เช่น การรวมเฟรมหลายช่วงเวลา (multi-frame) ที่ฉลาดขึ้น การลดนอยส์ในสภาพแสงยาก และการประมวลผลซูมที่เน้นรายละเอียดกลางภาพและขอบภาพสม่ำเสมอ ทั้งหมดนี้มีโอกาสเห็นผลลัพธ์ที่ก้าวกระโดดเมื่อจับคู่กับชิปที่แรงขึ้นและอัลกอริทึมรุ่นใหม่ของซัมซุง

แบตเตอรี่มีแนวโน้มยืนพื้นที่ประมาณ 5,000mAh เช่นเดิมเพื่อรักษาสมดุลระหว่างความอึดและน้ำหนักเครื่อง ขณะที่ระบบชาร์จยังต้องรอความชัดเจนว่าจะเพิ่มกำลังหรือไม่ แต่ทิศทางโดยรวมคือการบริหารพลังงานฉลาดขึ้นผ่านทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เช่น การปรับคล็อกตามกิจกรรมแบบละเอียด การจำกัดแอปพื้นหลังที่ไม่จำเป็น และโหมดประหยัดพลังงานที่ฉลาดขึ้นโดยแทบไม่กระทบความลื่นไหล

เมื่อประกอบภาพทั้งหมดเข้าด้วยกัน Galaxy S26 Ultra จึงถูกคาดหวังว่าจะเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของพลัง Snapdragon เจเนอเรชันใหม่ในโลก Android พร้อมแพ็กเกจประสบการณ์ที่ครบทั้งความแรง ความคงทนของคล็อก และฟีเจอร์ AI ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวัน กลุ่มเป้าหมายชัดเจนคือเกมเมอร์ ครีเอเตอร์ และผู้ใช้มือโปรที่อยากได้ความเร็วลื่นทุกสถานการณ์ ส่วนรายละเอียดด้านสเปกยิบย่อย ดีไซน์สุดท้าย และการจัดวางชิปในแต่ละภูมิภาค ยังต้องรอติดตามความเคลื่อนไหวจากซัมซุงต่อไปในช่วงโค้งเปิดตัว โดยสัญญาณตอนนี้บอกได้เพียงว่า “รุ่นท็อปปีนี้” มีทีท่าจะเน้นสมรรถนะและความเสถียรมากกว่าที่เคย