ตลาดหุ้นไทยเผชิญกับการปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในช่วงเวลาที่ผ่านมา โดยการลดลงของดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ได้รับแรงกดดันจากปัจจัยหลักอย่างการเทขายหน่วยลงทุนในกองทุน LTF (กองทุนรวมเพื่อการลงทุนระยะยาว) ที่มีความเร่งตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนมกราคม 2568 ซึ่งส่งผลให้ดัชนี SET Index ลดลงไปถึง -9.6% ตั้งแต่ต้นปี 2568 หรือมีมูลค่าตลาด (Market Cap) หายไปถึง 1.6 ล้านล้านบาท สร้างความวิตกกังวลในหมู่นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ

ตามข้อมูลจากบริษัทหลักทรัพย์เอเชีย พลัส (Asia Plus Securities) การเทขายหน่วยลงทุนในกองทุน LTF เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงอย่างรวดเร็วในช่วงเดือนที่ผ่านมา โดยการลดลงของมูลค่า LTF ในเดือนมกราคม 2568 ถึง 3.14 หมื่นล้านบาท หรือราว 14.5% ซึ่งถือเป็นการลดลงที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปี นอกจากนี้ มูลค่ารวมของกองทุน LTF ที่ปัจจุบันอยู่ที่ 1.88 แสนล้านบาท ถือว่าอยู่ในระดับต่ำกว่าปี 2562 ที่มูลค่า LTF เคยสูงถึง 4.16 แสนล้านบาท ซึ่งในตอนนั้นกองทุน LTF มีสัดส่วนถึง 1 ใน 3 ของมูลค่ากองทุนรวมหุ้นไทย

แม้ว่าตัวเลขมูลค่า LTF ในปัจจุบันจะคิดเป็นสัดส่วนเพียง 16% ของกองทุนรวมหุ้นไทย และคิดเป็น 1.2% ของ Market Cap ของ SET แต่การที่นักลงทุนตัดสินใจขายหน่วยลงทุนใน LTF อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดแรงกดดันในตลาดหุ้นไทย การเทขายดังกล่าวทำให้ราคาหุ้นหลายตัวลดลง และนักลงทุนทั่วไปเริ่มเกิดความไม่มั่นใจในการลงทุน จึงเลือกที่จะชะลอหรือหยุดการซื้อขายหุ้นในช่วงนี้

นอกจากนี้ การที่มูลค่าการลงทุนใน LTF ลดลงอย่างต่อเนื่องยังส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นไทยโดยรวม นักลงทุนเริ่มกังวลว่าการลดลงของกองทุน LTF จะทำให้เกิดการขายสินทรัพย์ที่ใหญ่ขึ้นในตลาดหุ้น ซึ่งอาจทำให้ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลดลงอีกต่อไป นอกจากนี้ การมีการขายหุ้นจากนักลงทุนทั่วไป ยังเป็นตัวผลักดันให้ดัชนี SET Index ร่วงลงอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า LTF จะเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบในช่วงนี้ แต่มีการประเมินจากนักวิเคราะห์ว่า มูลค่าการลงทุนใน LTF ในปัจจุบันมีสัดส่วนที่ค่อนข้างเล็กเมื่อเทียบกับมูลค่ากองทุนรวมหุ้นไทยทั้งหมด ทำให้ผลกระทบในระยะยาวอาจไม่รุนแรงเท่าที่คาดการณ์ไว้ในตอนแรก หากแรงขาย LTF เริ่มลดลง และสถานการณ์ในตลาดเริ่มคลี่คลายลง

นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสที่จะฟื้นตัวกลับมาในอนาคต หากปัจจัยการเทขาย LTF ค่อยๆ ลดลง และนักลงทุนเริ่มกลับมาเชื่อมั่นในตลาดอีกครั้ง อีกทั้งปัจจัยทางเศรษฐกิจภายในประเทศก็ยังมีความน่าสนใจจากการฟื้นตัวของภาคเศรษฐกิจและการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยที่อาจส่งผลดีต่อการลงทุน

กรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index ในวันนี้คาดว่าจะอยู่ในช่วง 1260 – 1283 จุด ซึ่งยังคงต้องจับตามองทิศทางการเคลื่อนไหวของตลาดในระยะถัดไปว่ามีปัจจัยใหม่ๆ ที่อาจเข้ามาช่วยกระตุ้นตลาดหรือไม่ ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังการลงทุนในช่วงนี้ เนื่องจากความไม่แน่นอนในตลาดยังคงมีอยู่

การกลับตัวของตลาดหุ้นไทยจะขึ้นอยู่กับความมั่นใจของนักลงทุนที่จะกลับมาลงทุนอีกครั้งหลังจากความวิตกกังวลเรื่องการเทขาย LTF บรรเทาลง รวมถึงการพัฒนาในภาคเศรษฐกิจภายในประเทศที่สามารถกระตุ้นความเชื่อมั่นในระยะยาวได้