วันที่ 28 กุมภาพันธ์ นายสฤษฏ์พงษ์ เกี่ยวข้อง ประธานคณะกรรมาธิการการแรงงาน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยผลการประชุมครั้งที่ 55 ที่ได้มีการพิจารณาเรื่องการประกอบอาชีพสงวนในประเทศไทย รวมถึงปัญหาการดำเนินธุรกิจของคนต่างด้าวที่ไม่ได้รับใบอนุญาตทำงานในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอน โดยเฉพาะในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการแย่งอาชีพของคนไทยจากการทำกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น การเปิดร้านอาหาร ร้านกาแฟ โฮมสเตย์ หรือแม้กระทั่งการทำกิจกรรมการเล่นดนตรี สอนโยคะ และตัดผม ซึ่งเป็นอาชีพสงวนที่ต้องให้บริการเฉพาะคนไทย

จากการศึกษาสถานการณ์แรงงานในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนระหว่างวันที่ 2-4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พบว่าในพื้นที่มีแรงงานต่างด้าวจำนวนมากที่ทำการเปิดกิจการโดยไม่ได้รับใบอนุญาต และบางกรณียังมีการใช้ชื่อบุคคลไทยเป็นเจ้าของกิจการในลักษณะ "Nominee" เพื่อหลีกเลี่ยงกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง ขณะที่มีการละเมิดข้อกฎหมายอื่นๆ เช่น การเปิดธุรกิจที่ไม่ได้ลงทะเบียนหรือไม่ได้ชำระภาษีตามที่กฎหมายกำหนด

เนื่องจากสถานการณ์ดังกล่าวคณะกรรมาธิการการแรงงานจึงได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.), กรมพัฒนาธุรกิจการค้า และกรมสรรพากร มาให้ข้อมูลในที่ประชุม เพื่อร่วมกันหาทางแก้ไขและป้องกันปัญหาที่อาจกระทบต่ออาชีพของคนไทยในอนาคต โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีความหนาแน่นของแรงงานต่างด้าว เช่น จังหวัดภูเก็ต กระบี่ เชียงใหม่ และแม่ฮ่องสอน

นายสฤษฏ์พงษ์ได้กล่าวว่า จากการชี้แจงของทั้งสามหน่วยงาน พบว่า กอ.รมน. ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการดูแลความมั่นคงของประเทศ ได้ชี้แจงถึงความสำคัญของการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่างๆ ในการตรวจสอบการละเมิดกฎหมายเกี่ยวกับการดำเนินกิจการของคนต่างด้าว โดยได้สั่งการให้หน่วยปฏิบัติการในพื้นที่ตรวจสอบกรณีที่ได้รับการรายงานจากสื่อมวลชน ซึ่งพบว่าเป็นข้อเท็จจริงที่สามารถเกิดขึ้นได้ และยืนยันว่าทาง กอ.รมน. มีความพร้อมในการประสานงานและตรวจสอบทุกประเด็นที่อาจมีผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ

ในส่วนของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า นายสฤษฏ์พงษ์กล่าวว่า กรมได้มีการกำชับให้มีการตรวจสอบธุรกิจของคนต่างด้าวในพื้นที่ที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวและเศรษฐกิจสำคัญ เพื่อตรวจสอบว่าในการจดทะเบียนกิจการของคนต่างด้าวในจังหวัดต่างๆ เช่น ภูเก็ต กระบี่ และเชียงใหม่ ได้ดำเนินการตามกฎหมายหรือไม่ โดยให้มีการตรวจสอบการครอบครองธุรกิจของคนต่างด้าวในพื้นที่ที่มีการประกอบธุรกิจมากเป็นพิเศษ

ด้านกรมสรรพากร นายสฤษฏ์พงษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมสรรพากรได้ดำเนินการตรวจสอบการเสียภาษีของผู้ประกอบการต่างชาติ โดยมีการจัดเก็บภาษีเงินได้ตามอัตราที่กำหนด และยังได้มีการตรวจสอบเส้นทางการเสียภาษีเมื่อพบว่ามีการค้างชำระภาษี โดยจะมีการส่งหนังสือทวงถามถึงผู้ประกอบการก่อนที่จะมีการตรวจสอบเส้นทางการเงินในกรณีที่พบว่ามีการละเมิดกฎหมายด้านภาษี โดยเฉพาะในธุรกิจที่มีการถือครองโดยถูกต้องตามกฎหมาย เช่น ธุรกิจโรงแรม และธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว

นายสฤษฏ์พงษ์ยังกล่าวว่า คณะกรรมาธิการฯ ได้รับข้อมูลการดำเนินงานจากหน่วยงานทั้งสามหน่วยงานแล้ว และจะมีการประสานงานเพื่อบูรณาการข้อมูลดังกล่าวในการวางแผนและดำเนินการในพื้นที่ต่างๆ ที่มีปัญหา โดยการดำเนินการจะมุ่งเน้นไปที่การป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการละเมิดกฎหมายซ้ำซ้อน รวมทั้งการให้ความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ในการเฝ้าระวังและตรวจสอบปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

คณะกรรมาธิการฯ จึงมุ่งมั่นที่จะดำเนินการให้มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด และเสริมสร้างความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม เพื่อให้เกิดความโปร่งใสและเป็นธรรมในการบริหารจัดการแรงงานต่างด้าวในประเทศ