จีนจัดพิธีสวนสนามขนาดใหญ่ที่จัตุรัสเทียนอันเหมินเพื่อรำลึกครบรอบ 80 ปีการยุติสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยประธานาธิบดีสีจิ้นผิงกล่าวสุนทรพจน์ย้ำทางเลือกของโลกระหว่างสันติภาพกับความขัดแย้ง ก่อนขึ้นยืนตรวจแถวทหารด้วยรถลิมูซีนเปิดประทุนท่ามกลางผู้ชมมากกว่าห้าหมื่นคน

พิธีครั้งนี้สะท้อนทั้งศักยภาพทางทหารและน้ำหนักทางการทูตของจีน โดยมีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และคิม จองอึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ร่วมเป็นแขกกิตติมศักดิ์และนั่งเคียงข้างผู้นำจีนบนอัฒจันทร์ ขณะที่ผู้นำตะวันตกส่วนใหญ่ไม่เข้าร่วม งานจึงเป็นภาพจำของการยืนเคียงกันของปักกิ่ง–มอสโก–เปียงยางบนเวทีโลก
ไฮไลต์ของขบวนแสดงกำลังคือการโชว์ยุทโธปกรณ์รุ่นล่าสุด ตั้งแต่ขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียง อากาศยานไร้คนขับ ระบบใต้ทะเลไร้คนขับ ไปจนถึงแพลตฟอร์มหุ่นยนต์ทางทหาร พร้อมการบินแปรขบวนของเฮลิคอปเตอร์และเครื่องบินขับไล่เหนือใจกลางกรุงปักกิ่ง การแสดงกว่า 70 นาทีถูกออกแบบให้เห็นพัฒนาการด้านเทคโนโลยีและการจัดกำลังยุคใหม่ของกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน

บนมิติการเมืองระหว่างประเทศ การปรากฏตัวพร้อมกันของผู้นำทั้งสามถูกจับตาว่าอาจนำไปสู่การขยับความร่วมมือด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจที่แน่นแฟ้นขึ้น ต่อเนื่องจากข้อตกลงและการพบปะระดับสูงในช่วงปีที่ผ่านมา ท่ามกลางสภาพแวดล้อมภูมิรัฐศาสตร์ที่ตึงเครียดในอินโด–แปซิฟิกและยุโรปตะวันออก
ภายหลังพิธี ปูตินและคิมมีการหารือทวิภาคีในกรุงปักกิ่ง โดยต่างฝ่ายส่งสัญญาณพร้อมขยายความร่วมมือ ขณะที่จีนใช้โอกาสนี้ย้ำภาพ “การฟื้นพลังของชาติ” และบทบาทนำของตนในระเบียบโลกชุดใหม่ ซึ่งผู้นำจีนอธิบายว่าควรยืนอยู่บนพื้นฐานของการสนทนาและผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่ใช่การเผชิญหน้าแบบแพ้ชนะศูนย์ผลรวม
ด้านในประเทศ พิธีสวนสนามยังทำหน้าที่สร้างเอกภาพและปลุกใจสาธารณชนในช่วงที่ปักกิ่งเดินหน้าปรับโครงสร้างกองทัพและยกระดับมาตรฐานความโปร่งใส โดยตอกย้ำว่าการปฏิรูปจะเดินควบคู่ไปกับการยกระดับเทคโนโลยีและขีดความสามารถทางการทหาร
ภาพรวมแล้ว งานสวนสนามครั้งนี้ไม่เพียงเป็นเวทีแสดงศักยภาพของยุทโธปกรณ์จีน แต่ยังเป็นสัญญะทางการเมืองที่ประกาศบทบาทของปักกิ่งในสมการอำนาจโลกยุคใหม่ ท่ามกลางการเลือกข้างและการแข่งขันเชิงยุทธศาสตร์ที่เข้มข้นขึ้นในหลายภูมิภาค
ที่มา : reuters , theguardian